
เฟียสต้าโบลว์ วิลลิส แมคเกฮี ได้รับบาดเจ็บจากการเข้าปะทะ
วิลลีส แมคเกฮี นักกีฬา “คนขนคน” กีฬาอเมริกันฟุตบอลที่แฟน ๆ อเมริกันฟุตบอลรู้จักกันเป็นอย่างดี ใน ตำแหน่งรันนิ่งแบค ที่เล่นให้กับ ทีม บัลติมอร์ เรเว่นส์ เดนเวอร์บรอนโค่ และทีมคีฟแสนด์บรานว์ ได้มาลงเล่นให้กับทีมเอ็นเอฟอีกหลายปี ถ้ามองย้อนอดีตสมัยที่เขายังเล่นอยู่ในทีมไมอามี่นั้น เขายอมรับว่าไม่ใช่ความทรงจำที่ดีเลยสำหรับเขา โดยเฉพาะใน รายการ เฟียสต้าโบลว์ ที่ตัวเขาได้รับบาดเจ็บจากการเข้าปะทะ ทำให้เขาเข่าบิดไปทีเดียว แต่โชคยังช่วยเพราะเขามีร่างกายที่แข็งแรง และยังรักษาสภาพร่างกายให้กลับคืนสู่สภาพเดิมได้ทันเวลาก่อนที่จะเกิดอะไรมากไปกว่านี้
และกลับมาลงสนามได้อีกในปี 2003 ใน เกมอเมริกันฟุตบอลรายการ เฟียสตาโบลว์ได้อีกครั้งหนึ่ง ทีมของแมคเกฮี โดยเฉพาะ ทีมไมอามี่ ได้เจอกับ ทีมบัคอาย ในช่วงควอเตอร์ที่สี่ของ เกม แมคเกฮี ได้ถูกผู้เล่นของทีมคู่แข่ง ซึ่งนำโดย วิล อัลเลนพุ่ทเข้ามาขวางและทำให้ชนกันอย่างแรง จนทำให้เข่าข้างซ้ายของเขาได้รับบาดเจ็บอย่างมาก เป็นผลให้เข้าบิดเบี้ยวไปทางด้านหลัง และเส้นเอ็นหัวเข่าทั้งสามเส้นฉีกขาดไปทั้งหมด
ผลก็คือทีมไมอามี่ของเขาต้องแพ้ในคืนนั้น ด้วยสกอร์ 31/24 และเขาก็ต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาด้วยการผ่าตัดอยู่หลายครั้ง และต้องทำกายภาพกันอย่างหนัก เนื่องจากความต้องการของเขาที่จะกลับมาลงสนามอีกให้ได้ ก่อนที่จะต้องได้เข้าไปดราฟต์ตัวผู้เล่นได้ทันในฤดูกาลที่แล้ว
ตามตารางการการแล้ว เฟียสต้าโบลว์ มีทีมไมอามี่ของแมคเกฮี ในรายการสถิติแล้วช่วงที่ลงเล่นในระดับมหาวิทยาลัยที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะเขาทำสถิติวิ่งได้มากถึง 2,067 หลา และสามารถทำทัชดาวน์ได้ถึง 31 ครั้ง ทำให้เขาได้รับเชิญจากทีมบัหหาโล่บิลล์ให้ไปเล่นในรอบที่ 23 ซึ่งจากเดิมถือว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นตัวท็อปทีเดียว แต่อาการบาดเจ็บไปเสียก่อน สุดท้ายก็ต้องไปเล่นในลีกสูงสุดอย่างเอ็นเอฟแอล
แม้ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จในการเล่นในทีมใดเลยก็ตาม แต่ก็ต้องนับว่า วิลลิล แมคเกฮี เป็นหนึ่งในผู้เล่นในตำแหน่งรันนิ่งแบคที่โดดเด่น มีแฟน ๆ อเมริกันฟุตบอลชมชอบเป็นอย่างมากในยุค 2000 เขาเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี และลงสนามมาโดยตลอดหลายปี แม้ว่าจุดเริ่มต้นของเขาจะไม่ค่อยราบรื่นดีสักเท่าไหร่นัก เนื่องจากได้รับการบาดเจ็บดังกล่าว แต่สุดท้ายเขาก็สามารถกลับมาได้อีกครั้งและมาโลดแล่นในลีกสำคัญได้อีกนานถึงปี 2013 ซึ่งก็นับว่ายังเป็นปีทองของเขาอยู่ แม้ว่าปัจจุบันเขาจะแขวนหมวกและสตั๊กไปแล้วก็ตาม