- คาลิดู คูลิบาลี่
- จอร์แดน พิคฟอร์ด
- นาโปลี
- ฟุตบอลโลก(2010)
- ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกส์
- ราชันย์ชุดขาว
- ราฟาเอล วาราน
- ลาลีกาสเปน
- ลิเวอร์พูล
- ออเรลิโอ้ เดลอเลนติส
- อัศวินสีส้ม
- อายเมลิก ลาปอร์ก
- เซอร์คิโอ รามอส
- เซาธ์แธมตัน
- เฟอร์กิจ ฟาน ไดจ์
- เรอัล มาดริด
- เรือใบสีฟ้า
- เอล กัปปิตาโน่
- แมนเชสเตอร์ ซิตี้
- แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
- แอตเลติโก มาดริด
- แฮรี่ แมกไกวร์
- โคปาเดลเรย์

5อันดับ กองหลัง ที่ดีที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน
หากพูดถึง เกมฟุตบอล หลายๆครั้งนักเตะที่มักจะเป็นที่จดจำของแฟนฟุตบอล ส่วนใหญ่จะเป็นผู้เล่นในตำแหน่งศูนย์หน้า กองกลางที่มักจะมีส่วนกับการทำประตูหรือแอสซิสต์ แต่ว่าในโลกของฟุตบอลนั้นตำแหน่งในเกมรับอาจจะได้รับการยกย่องน้อยเกินกว่าที่ควรจะเป็น เพราะนี่คือตำแหน่งที่ส่งผลต่อผล แพ้-ชนะ ของเกมส์ในแมทช์นั้นเลยก็ว่าได้และนี่คือ 5อันดับ กองหลังที่ดีที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน
อันดับที่ 5 เซอร์คิโอ รามอส (เรอัล มาดริด)
เอล กัปปิตาโน่ ของพลพรรคราชันย์ชุดขาว เรอัล มาดริด ยอดทีมจากลาลีก้าสเปนขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดของโลก จากสไตล์การเล่นที่ดุดันหนักหน่วง แต่แฝงไปด้วยความแน่นอน เขาเป็นยอดกองหลังที่มีคุณสมบัติครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นลูกกลางอากาศ การเล่นลูกกับพื้น รวมไปถึงการออกบอลสร้างสรรค์เกมจากแนวหลังอีกทั้งที่ยิ่งเหนือไปกว่านั้น รามอสมักจะมีทีเด็ดจากการขึ้นมาทำประตูในจังหวะเซ็ตพีซสำคัญๆ
หนึ่งในลูกที่แฟนบอลหลายคนอาจจะจำได้คือการโหม่งตีเสมอ แอตเลติโก มาดริด ช่วงทดเวลาบาดเจ็บในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกส์ ปี 2012 ทำให้ท้ายที่สุดมาดริดสามารถพลิกกลับมาเอาชนะและคว้าแชมป์ไปครองได้ ซึ่งหากมองถึงความสำเร็จกับสโมสรและทีมชาติ ตัวเขาก็กวาดมาแล้วแทบจะทุกแชมป์บนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็น ลาลีกาสเปน (5 สมัย) โคปาเดลเรย์(สมัย) ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกส์(4สมัย) ฟุตบอลโลก(2010) ยูโร 2008 และ ยูโร 2012
อันดับที่ 4 อายเมลิก ลาปอร์ก (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
กองหลังสถิติค่าตัว 57 ล้านยูโร(ประมาณ 2068 ล้านบาท) ย้ายจาก แอตเลติก บิลเบา เข้ามาเป็นสมาชิกของเรือใบสีฟ้าในปี 2018 ซึ่งกองหลังรายนี้ตกเป็นเป้าหมายการเสริมทัพของ เป็ป กวาดิโอลาร์ มาโดยตลอด ซึ่งจุดเด่นของแนวรับวัย 26 ปีคือการออกบอลกับเท้าได้อย่างดี มีการเข้าสกัดที่แม่นยำในจังหวะ 50-50 อีกทั้งยังมีความสุขุมเมื่อต้องเจอสถานการณ์คับขัน
เขามักจะไม่สาดบอลทิ้งมั่วซั่วแต่จะพยายามพาบอลขึ้นมาทำเกมจากแนวรับอีกด้วย ในแง่ของความสำเร็จเขาเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ เรือใบสีฟ้าคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย , เอฟเอคัพ 1 สมัย , ลีกคัพ 2 สมัย และคอมมิวนิตี้ชิลด์อีก 1 สมัย
อันดับที่ 3 ราฟาเอล วาราน (เรอัล มาดริด)
กองหลังแชมป์โลกปี 2018 คือหนึ่งในแนวรับที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ ราชันย์ชุดขาว ชุดประวัติศาสตร์ที่สามารถคว้าแชมป์ยุโรปได้ติดต่อกันถึง 3 สมัย การจับคู่ของเขากับ เซอร์คิโอ รามอส กลายเป็นจุดแข็งของทีม ทั้งคู่สามารถสอดประสานกันได้อย่างลงตัว วารานนั้นมีจุดเด่นอยู่ที่รูปร่างของเขาสูงใหญ่ ด้วยส่วนสูง 191 เซ็นติเมตรแต่ทว่ากลับมีความเร็วอยู่ในระดับที่ไม่น่าเชื่อ
เขาสามารถวิ่งตามกองหน้าสายสปีดได้อย่างสบายๆ อีกทั้งยังมีลูกสกัดที่แม่นยำและหนักหน่วง เหรียญแชมป์ลาลีกา 3 สมัย โคปาเดลเรย์ 1 สมัย , ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกส์ 4 สมัยและแชมป์สโมสรโลกอีก 4 สมัย คือเครื่องการันตีได้เป็นอย่างดี
อันดับที่ 2 คาลิดู คูลิบาลี่ (นาโปลี)
แนวรับทีมชาติเซเนกัลถูกพูดถึงเป็นอย่างมากจากผลงานการปัดกวาดเก็บรับให้กับยอดทีมเมืองเนเปิลส์ ซึ่งครั้งหนึ่ง ออเรลิโอ้ เดลอเลนติส ประธานสโมสรของนาโปลีเคยกล่าวไว้ว่าค่าตัวของกองหลังรายนี้ควรมีมูลค่ากว่า 250 ล้านยูโร(ประมาณ 9072 ล้านบาท) เมื่อครั้นที่ แฮรี่ แมกไกวร์ ถูกซื้อตัวไปร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
คูลิบาลี่มีจุดเด่นอยู่ที่รูปร่างสูงใหญ่ สมรรถภาพทางร่างกายที่แข็งแกร่งแบบฉบับนักเตะแอฟริกันอีกทั้งยังมีทีเด็ดอยู่ที่ลูกกลางอากาศและถึงแม้จะสามารถเล่นลูกหัวได้ดี เจ้าตัวก็มีทักษะการเล่นบอลกับเท้าได้ดีไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นการวางบอลในแนวลึก การสร้างสรรค์เกมมาจากแนวหลัง ทำให้เขาตกเป็นเป้าหมายของสองทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ที่หวังจะกระชากแนวรับวัย 29 ปีเข้ามาเสริมแกร่งในแนวรับ ซึ่งหากมองถึงความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม แชมป์โคปาอิตาลี 1 สมัยและซูเปอร์โคปาอิตาเลียอีก 1 สมัย อาจจะดูน้อยเกินไปสำหรับคูลิบาลี่
อันดับที่ 1 เฟอร์กิจ ฟาน ไดจ์ (ลิเวอร์พูล)
กัปตันทัพอัศวินสีส้ม เข้าวินมาเป็นอันดับหนึ่งแบบไม่พลิกโผ ฟาน ไดจ์ มีคุณสมบัติครบถ้วนที่แนวรับพึงจะมี การเล่นลูกกลางอากาศ การออกบอลกับเท้าที่ทำให้ทีมได้เปรียบอีกทั้งยังสามารถสอดมาทำประตูสำคัญๆได้อย่างสม่ำเสมอ นี่เป็นหนึ่งในการซื้อตัวที่คุ้มค่าที่สุดของลิเวอร์พูล ค่าตัว 80 ล้านยูโร(ประมาณ 2900 ล้านบาท) ครั้นเมื่อย้ายจาก เซาธ์แธมตัน มาร่วมชายคาแอนฟิลด์ ดูจะเป็นเม็ดเงินที่คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์
เมื่อเขากลายเป็นกำลังสำคัญสามารถพาทัพหงส์แดงผงาดเป็นจ้าวยุโรปและแชมป์พรีเมียร์ลีกที่รอคอยมานานกว่า 30 ปี อีกทั้งยังพาทีมกวาดแชมป์สโมสรโลกได้อีก เสียดายที่ในเกมเมอร์ซีไซด์ดาร์บี้ เจ้าตัวได้รับบาดเจ็บอย่างหนักต้องพักมากกว่า 8 เดือนจากเหตุการณ์ปะทะกับ จอร์แดน พิคฟอร์ด ซึ่งเราก็ต้องรอดูกันว่าหากตัวเขาสลัดอาการบาดเจ็บกลับมาได้ จะมีฟอร์มการเล่นที่เหมือนเดิมได้หรือเปล่า