adminผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีค เบรนต์ฟอร์ด 3-1 ลิเวอร์พูล
ผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีค เบรนต์ฟอร์ด 3-1 ลิเวอร์พูล
ผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีค เบรนต์ฟอร์ด 3-1 ลิเวอร์พูล ผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีค นัดที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ศ.2566 เป็นการเจอกันระหว่าง เบรนท์ฟอร์ด ทีมที่ฟอร์มมาแรงทีมหนึ่งของปี เจอกับ ลิเวอร์พูล ยอดทีมย่านเมอร์ซีย์ไซด์ แต่ผลปรากฏกลับพลิกล็อคเมื่อเป็น ลิเวอร์พูล ที่พ่ายแพ้ต่อ เบรนต์ฟอร์ด ไปด้วยสกอร์ 3-1
การจัดทัพของทั้ง 2 ทีม และ ไฮไลท์
2.1. การจัดทัพของหงส์แดง ผู้มาเยือน
ขุนพลหงส์แดง มาในระบบถนัดอย่าง 4-3-3 โดยมีรายชื่อนักเตะดังนี้ อลีสซง เบ็คเกอร์ (GK), เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อิบราฮิม่า โกนาเต้, เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, คอสตาส ซิมิคาส, ฟาบินโญ่, ติอาโก้ อัลคันทาร่า, ฮาร์วีย์ เอลเลียต, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ดาร์วิน นูนเญซ ข้างสนามมี เจอร์เกน คล็อปป์ กุนซือคอยปลุกเร้าลูกทีมอยู่ตลอดเวลา
2.2. การจัดทัพของทัพผึ้งน้อย เจ้าบ้าน
ขุนพลผึ้งน้อย มาในระบบ 3-5-2 โดยมีรายชื่อนักเตะดังนี้ ดาบิด รายา (GK), ซังก้า, อีธาน พินน็อค, เบน มี, มาดส์ โรเออร์สเลฟ ราสมุสเซ่น, มาธิอัส เยนเซ่น, คริสเตียน นอร์การ์ด, วิตาลี่ จาเนลต์, ริโก้ เฮนรี่, บรีย็อง เอ็มโบโม่ และ โยอัน วิสซ่า ข้างสนามมีกุนซืออย่าง โทมัส แฟรงค์ คอยกระตุ้นลูกทีม
2.3 ไฮไลท์
เริ่มครึ่งแรก นาทีที่ 8 ลิเวอร์พูล พลาดขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย จากจังหวะที่ ซาลาห์ แทงทะลุช่องเข้าไปในเขตโทษให้กับ นูนเญซ แตะบอลหลบ ดาบิด รายา ไปแล้ว ทว่าเจ้าตัวดันยิงไปติด เบน มี กระเด้งออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ ต่อมานาทีที่ 18 เบรนท์ฟอร์ด เกือบขึ้นนำ จากจังหวะสวนกลับเร็ว โยอัน วิสซ่า แทงบอลจากกลางสนามให้ บรีย็อง เอ็มโบโม่ ใช้ความเร็วสปีดพาบอลเข้าไปกดเน้นๆ ทว่า อลีสซง ยังพุ่งออกมาปัดออกหลังไปได้หวุดหวิด จนในนาทีที่ 19 เจ้าถิ่น ก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 เมื่อ เอ็มโบโม่ เปิดบอลเข้ามาในเขตโทษ ลูกพุ่งไปโดนขาของ โกนาเต้ กระเด้งเข้าประตูตัวเองตุงตาข่าย หลังจากนั้นในนาทีที่ 24 หงส์แดง เกือบตีเสมอได้ จากจังหวะที่ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ไหลบอลจากกลางประตู ออกมาทางซ้ายเขตโทษให้กับ ซิมิคาส ได้ซัดแบบเน้นๆ ทว่า รายา ก็ยังเซฟได้อีกครั้ง ก่อนที่แนวรับเจ้าถิ่นจะเตะสกัดออกหลังไป ต่อมาในนาทีที่ 27 เจ้าถิ่น ส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย เมื่อมาได้ลูกเตะมุม บอลเปิดเข้ามาหน้าประตู แล้วมีจังหวะยิง จังหวะสกัดขลุกขลิกไปมา ก่อนที่ โยอัน วิสซ่า จะยิงบอลเจ่อๆ เข้าประตูไป ทว่าก็ไม่ได้ประตูนำห่าง เนื่องจากลูกนี้เป็นลูกล้ำหน้าไปแล้ว หลังจากนั้นในนาทีที่ 42 เบรนท์ฟอร์ด ก็มาได้ประตูขึ้นนำ 2-0 จนได้ จากจังหวะที่ เอ็มโบโม่
ได้บอลหลุดไปถึงเส้นหลังฝั่งขวา ก่อนจ่ายย้อนคืนมาให้ มาธิอัส เยนเซ่น เปิดเข้าไปในเขตโทษ และเป็น โยอัน วิสซ่า ที่โหม่งกดลงพื้น บอลพุ่งเข้าประตู แม้ว่า อลีสซง จะควักออกมาได้ ทว่าลูกนี้ก็ข้ามเส้นไปทั้งใบแล้ว ทำให้เป็นประตูนำห่างของเจ้าถิ่น ทำให้หมดครึ่งเวลาแรก เบรนท์ฟอร์ด ขึ้นนำ ลิเวอร์พูล 2-0 เริ่มครึ่งหลังมาในนาทีที่ 48 ลิเวอร์พูล มาส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย จากจังหวะที่ ติอาโก้ วางบอลยาวให้ ดาร์วิน นูนเญซ พาบอลหลุดเข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะดีดผ่านมือ ดาบิด รายา เข้าไป ทว่าเมื่อมีการเช็ค VAR กลายเป็นว่าลูกนี้ลำหน้าไปแล้ว ทำให้กรรมการริบประตูคืน แต่จนแล้วจนรอด ในนาทีที่ 50 หงส์แดง ก็มาได้ประตูตีไข่แตก 1-2 จนได้ จากจังหวะที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ได้บอลทางฝั่งขวาของโทษ ก่อนจะเปิดเข้าไปหน้าประตู และเป็น อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ขึ้นโขกเช็ดส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย หลังจากนั้นลิเวอร์พูล เดินหน้าบุกอย่างหนัก และมาได้ลุ้นอีก ในนาทีที่ 70 จากจังหวะที่ ซาลาห์ ได้บอลหน้าเขตโทษ ก่อนจ่ายออกขวาให้ นูนเญซ หลุดเข้าไปยิง ทว่าลูกก็พุ่งหลุดเสาไกลออกไปอีก ต่อมานาทีที่ 81 หงส์แดง มาได้ลุ้นอีกแล้ว จากจังหวะเตะมุม อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดโค้งเข้าไปในเขตโทษ และเป็น โกนาเต้ ที่ขึ้นโขกเน้นๆ ลูกพุ่งเฉี่ยวเสาไกลออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
แต่แล้วฝันของหงส์แดง ก็สลายลงในพริบตาเมื่อในนาทีที่ 84 เบรนท์ฟอร์ด มาได้ประตูนำห่าง 3-1 จากจังหวะที่ คริสเตียน นอร์การ์ด ตัดบอลได้จากกลางสนาม ก่อนวางยาวไปหน้าเขตโทษ ให้กับ บรีย็อง เอ็มโบโม่ เบียดแย่งกับ โกนาเต้ ก่อนที่แนวรับหงส์แดง จะล้มลง ทำให้ เอ็มโบโม่ ได้บอลหลุดเข้าไปยิงล่อเป้า ส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย ท่ามกลางการประท้วงของนักเตะทีมเยือนว่าเป็นลูกฟาล์ว ทว่าลูกนี้กรรมการก็ยืนยันว่าเป็นลูกได้ประตู ทำให้จบลงที่เบรนท์ฟอร์ด เปิดบ้านชนะ ลิเวอร์พูล ไป 3-1
หลังจบการแข่งขัน
หลังจากจบศึกการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีค ระหว่าง เบรนท์ฟอร์ด กับ ลิเวอร์พูล ซึ่งชัยชนะนั้นตกเป็นของเจ้าบ้าน ส่งผลให้เจ้าบ้านขึ้นมารั้งอันดับที่ 7 ส่วนทางทีมเยือน หลังจากที่สะดุดการแข่งขันนัดนี้ ทำให้ยังคงรั้งอันดับที่ 6 อยู่ตามเดิม แต่ที่ตลกก็คือ ทีมที่พวกเขาพึ่งปราชัยไปนั้น ก็กำลังไล่จี้อันดับพวกเขาอยู่นั่นเอง ซึ่งถ้าหงส์แดงต้องการที่จะหนีห่างส่งผลให้ความกดดันนั้นตกอยู่กับการแข่งขันในนัดต่อไปซึ่งจะเจอกับ ไบร์ทตัน ในวันเสาร์ที่ 14 มกราคม เวลา 4 ทุ่มนั่นเอง
